รู้จักหลักการ เพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture)

สารบัญ​

แนวคิด เพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture) คืออะไร

หลักการเพอร์มาคัลเจอร์ 12 ประการ

จะนำหลักเพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture) มาใช้ในชีวิตจริง ได้อย่างไร?

ข้อมูลอ้างอิง

รู้จักหลักการ เพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture): ออกแบบระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น

หลายคนจะรู้จัก ‘เพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture)’ มาจากแนวทางทำเกษตรแบบยั่งยืน ซึ่งแนวคิดนี้มีรากฐานมาจากปรัชญาการใช้ชีวิต โดยเชื่อว่า เราควรออกแบบไลฟ์สไตล์ให้สอดคล้องกับวัฎจักรธรรมชาติ เพราะวิธีนี้จะช่วยปกป้องระบบนิเวศให้สมดุลในระยะยาว 

หลักการของเพอร์มาคัลเชอร์ จะทำงานร่วมกันระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ โดยพึ่งพาอาศัยกัน ดูแลกัน ส่งเสริมกัน จนนำไปสู่ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ทำให้สิ่งมีชีวิตเติบโตอย่างมั่งคงและช่วยสร้างโลกสีเขียวในเวลาเดียวกัน  

แนวคิด เพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture) คืออะไร

  • ต้นกำเนิดของแนวคิด: เพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture) เป็นแนวคิดของบิล มอลลิสัน และเดวิด โฮมกรีน ในช่วงปี 1970  ที่เอาคำว่า “ถาวร” และ”เกษตกรรม” มารวมกัน จนเป็นไอเดียของการทำเกษตรที่เลียนแบบระบบของธรรมชาติ เพื่อดูแลให้สิ่งมีชีวิตเติบโตอย่างมั่งคงและมีความหลากหลายขึ้น
  • แนวคิดปรัชญา: หัวใจของหลัก เพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture) เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสิ่งมีชีวิตกับธรรมชาติ เพื่อความยั่งยืนและสร้างระบบนิเวศที่สมดุลในระยะยาว ซึ่งแนวนี้ไม่ได้เอามาใช้เฉพาะการทำเกษตรกรรมเท่านั้น แต่ยังไปใช้เป็นหลักการดำเนินชีวิตในมุมมองอื่นๆได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องพัฒนาสังคมและชุมชน , เรื่องออกแบบเมืองให้น่าอยู่ ไปจนถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

หลักการเพอร์มาคัลเจอร์ 12 ประการ

1. สังเกตุและทำงานร่วมกัน: ควรใช้เวลาในการสังเกตุและเรียนรู้ระบบนิเวศในธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป แนวคิดนี้จะเน้นว่า เราควรเข้าใจธรรมชาติทุกแง่มุมก่อน ถึงจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้

2.  หมุนเวียนพลังงานกลับมาใช้ใหม่: ควรนำพลังงานจากธรรมชาติกลับมาใช้ใหม่ใหเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเอาใช้ในรูปแบบพลังงานทดแทนต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ วิธีนี้จะช่วยกักเก็บพลังงานได้ระยะยาวและไม่สูญเปล่าในอนาคต

 3.  เห็นลัพธ์การเติบโต: วัดผลลัพธ์ให้แน่ใจว่า ความพยายามที่คอยดูแลระบบนิเวศ ปกป้องธรรมชาติอยู่เสมอ เริ่มเห็นผลแบบจับต้องได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น อาหาร พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ สิ่งเหล่านี้เริ่มได้รับการฟื้นฟูแล้ว

 4.   มีวินัยและยอมรับทุกความเห็น: เข้าใจว่าเรื่องข้อจำกัดและจัดการระบบนิเวศอย่าง เป็นระบบ  พร้อมยอมรับทุกความเห็น แล้วนำมาปรับปรุงในแนวทางดูแลธรรมชาติ

5.  เห็นคุณค่าของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ: ให้ความสำคัญการเรื่องการใช้ทรัพยากร  หมุนเวียนมากกว่าทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียน เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนเชื้อเพลิงฟอสซิล

6.   ใช้และลดขยะให้เหลือศูนย์: ออกแบบระบบรีไซเคิลที่นำเอาทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ เพราะจะช่วยลดของเสียหรือขยะเสียให้เกิดน้อยที่สุด  

7.   วางแนวทางดูแลธรรมชาติจากภาพใหญ่ไปสู่ภาพย่อย: ควรวางแนวทางในการดูแลระบบ นิเวศด้วยหลักการที่กว้าง แล้วนำแนวนี้ไปใช้กับการปฎิบัติในทุกขั้นตอน ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบพื้นที่สีเขียวที่นำไปสู่การสร้างชุมชนน่าอยู่

8.   เน้นการทำงานร่วมกันมากกว่าแยกกัน: ส่งเสริมให้เกิดระบบการทำงานร่วมกันและส่งเสริมกันและกัน เพื่อรักษาธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์

9.  เริ่มต้นลงมือทำสิ่งเล็กและแก้ปัญหาอย่างช้าๆ: เริ่มต้นลงมือทำสิ่งเล็กในการดูแลพื้นที่สีเขียว ใส่ดูแลธรรมชาติทีละเรื่องอย่างสม่ำเสมอและแก้ปัญหาอย่างช้าๆ วิธีการนี้จะช่วยให้คุณจัดการสิ่งแวดล้อมสีเขียวได้อย่างยั่งยืน

9.  เริ่มต้นลงมือทำสิ่งเล็กและแก้ปัญหาอย่างช้าๆ: เริ่มต้นลงมือทำสิ่งเล็กในการดูแลพื้นที่สีเขียว ใส่ดูแลธรรมชาติทีละเรื่องอย่างสม่ำเสมอและแก้ปัญหาอย่างช้าๆ วิธีการนี้จะช่วยให้คุณจัดการสิ่งแวดล้อมสีเขียวได้อย่างยั่งยืน

  11.  ใส่ใจกับมิติที่ส่งผลต่อระบบนิเวศมากที่สุด: ใส่ใจกับเรื่องขอบเขตที่จะส่งผล กระทบต่อธรรมชาติมากทีสุด  เช่น ผืนป่า ทุ่งนาและต้นน้ำ เพราะทรัพยากรเหล่านี้ มีมูลค่าและส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตโดยรวมบนโลกของเรา

  12. ปรับตัวเองและยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์: ปรับตัวในการดูแลระบบนิเวศและ  ธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์ วิธีนี้จะช่วยให้เรารับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและวิฤกตต่างๆได้ดี 

จะนำหลักเพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture) มาใช้ในชีวิตจริง ได้อย่างไร?

  • การทำสวน: ใช้เทคนิคการปลูกร่วมกัน การคลุมดินและการเก็บเกี่ยวน้ำ เพื่อสร้างระบบสวนแบบพึ่งพาตนเองได้
  • การออกแบบชุมชน: เน้นพัฒนาหมู่บ้านเชิงนิเวศและจัดการชุมชนอย่างยั่งยืน โดยทำงานร่วมกันระหว่างทรัพยากรธรรมชาติกับชุมชน เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม
  • ชีวิตประจำวัน: นำแนวทางลดขยะให้เหลือศูนย์และเลือกพลังงานหมุนเวียน มาปรับใช้ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ เพื่อช่วยดูแลโลก

หลักการ ‘เพอร์มาคัลเชอร์ (Permaculture)’ อีกหนึ่งวิธีดูแลระบบนิเวศในธรรมชาติที่ทำตามได้ง่าย ปรับเข้าได้กับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เพราะเป็นการทำงานร่วมระหว่างธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตและมนุษย์ ซึ่เรางทุกคนสามารถออกแบบวิธีการดูแลสิ่งแวดล้อมในแบบฉบับของตัวเองอย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ

เริ่มลงมือทำจากจุดเล็กแล้วค่อยๆแก้ปัญหาเรื่องระบบนิเวศทุกมิติอย่างช้าๆ  โดยทั้งหมดก็ล้วนกลมกลืนไปกับกระบวนการดูแลระบบนิเวศและช่วยฟื้นฟูธรรมชาติให้สมบูรณ์ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นนักทำสวนมือใหม่ นักออกแบบผังเมืองหรือคนธรรมดาทั่วไป เราทุกคนก็ล้วนมีส่วนช่วยดูแลโลกใบนี้ได้ไปด้วยกัน!

ข้อมูลอ้างอิง

  • Mollison, B. (1988). “Permaculture: A Designer’s Manual.” Tagari Publications.
  • Holmgren, D. (2002). “Permaculture: Principles & Pathways Beyond Sustainability.” Holmgren Design Services.
  • Whitefield, P. (2004). “The Earth Care Manual: A Permaculture Handbook for Britain & Other Temperate Climates.” Permanent Publications.

Share:

Facebook
Twitter
LinkedIn

More Posts

Any comment? Send us a message!

Stay connected

Discover Ecological Insights, Conservation Stories, and Sustainability Journeys

Scroll to Top